SigenStor ที่ไม่ได้มาแค่ในฐานะ "อินเวอร์เตอร์" หรือแค่ "แบตเตอรี่" แต่มาในคอนเซ็ปต์ของ "ระบบนิเวศพลังงาน" ที่สมบูรณ์แบบ หรือ Ecosystem พลังงานครบวงจร ดังนั้นการที่จะเขียนอธิบายเลยต้องกล่าวรวมๆ ในบทความนี้
อ่านตอนแรก EP1 >>> ขอต้อนรับผู้เล่นหน้าใหม่ SIGENERGY แต่เก๋าเกมสู่ตลาดโซล่าร์ประเทศไทย! (Sigenergy EP1)
หัวใจของ SigenStor คือปรัชญาการออกแบบที่เรียกว่า "5-in-One" ซึ่งเป็นการปฏิวัติแนวคิดของระบบโซลาร์ไฮบริดแบบเดิมๆ ที่มักจะประกอบด้วยอุปกรณ์หลายชิ้นจากหลายผู้ผลิตมาต่อพ่วงกันอย่างซับซ้อน แต่ SigenStor ได้รวมเอา 5 ส่วนประกอบสำคัญไว้ในแพลตฟอร์มเดียวที่ทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ (มั๊ง) โดยในทางฟิสิคอล เราก็จะเห็นรูปร่างของ SigenStor เป็นกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตั้งต่อกันเป็นชั้นๆ ที่เราคุ้นชิน กับคำว่า ต่อกันเป็น สแต็ค

ข้อดีอย่างนึงที่เห็นชัดๆ คือไม่ต้องไปแยกอุปกรณ์หลายๆอย่าง ไปอยู่คนละที่ คนละทาง แต่ไม่ใช่ว่ามีชุดนี้แล้วจะไม่มีอะไรเพิ่มอีกนะครับ สไตล์โซล่าฮับ ก็จะยังมี ตู้ DC Fuse และ AC for Solar และก็มีของ Sigenergy เพิ่มอีกตัวนึงคือ Gateway เดี๊ยวจะค่อยทยอยกล่าวถึงแล้วกันนะ
- Solar Inverter (อินเวอร์เตอร์โซลาร์): ตัวแปลงพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นไฟฟ้ากระแสสลับสำหรับใช้ในบ้าน
- EV DC Charger (เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า DC): โมดูลเสริมสำหรับชาร์จรถ EV โดยตรงจากพลังงาน DC ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่า
- Battery PCS (ระบบแปลงไฟสำหรับแบตเตอรี่): วงจรควบคุมการชาร์จและจ่ายไฟของแบตเตอรี่
- Battery Pack (ชุดแบตเตอรี่): คลังเก็บพลังงานไฟฟ้า
- EMS (Energy Management System - ระบบจัดการพลังงาน): สมองกลอัจฉริยะที่คอยบริหารจัดการการไหลของพลังงานทั้งหมด
บทความ EPนี้ เน้นไปที่รุ่น Single Phase (ไฟบ้าน 1 เฟส) ที่เหมาะกับบ้านส่วนใหญ่ในประเทศไทย คือ SigenStor EC 5.0 SP และ SigenStor EC 10.0 SP เราจะมาดูกันว่าเทคโนโลยีที่อัดแน่นอยู่ข้างในนั้นทำงานอย่างไร มีดีแค่ไหน และที่สำคัญที่สุด มันจะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และคุ้มค่ากับการลงทุนสำหรับบ้านของคุณหรือไม่
แปลเทคให้เป็นไทย: ศัพท์โซลาร์ที่ต้องรู้ก่อนคุยกับช่าง >>> สไตล์ โซล่าฮับ ต้องจับมานั่งอ่านกันให้ตาลายกันไปข้างนึง ถ้าไม่เข้าใจ ห้ามลุกไปไหนเด็ดขาด...
ก่อนจะลงลึกถึงตัวผลิตภัณฑ์ เรามาปูพื้นฐานกันก่อนดีกว่า เพื่อให้คุณเข้าใจสเปคต่างๆ ได้เหมือนมือโปร และสามารถคุยกับช่างติดตั้งได้อย่างมั่นใจ โดยจะขอหยิบยืมคำอธิบายและภาพเปรียบเทียบที่เข้าใจง่ายจากคู่มือของ SolarHub มาใช้เป็นแนวทาง
♦ Power (kW) vs. Energy (kWh): "ความเร็ว" กับ "ระยะทาง" ของไฟฟ้าในบ้านคุณ สองคำนี้เป็นสิ่งที่คนมักสับสนที่สุด แต่จริงๆ แล้วมันต่างกันอย่างสิ้นเชิง:
- กำลังไฟฟ้า (Power) มีหน่วยเป็น วัตต์ (W) หรือ กิโลวัตต์ (kW) เปรียบเสมือน "ความเร็วของรถยนต์" มันคือปริมาณไฟฟ้าที่เครื่องใช้ไฟฟ้า "กำลังกิน" อยู่ ณ ขณะนั้น เช่น แอร์ขนาด 1 ตัน อาจกินไฟประมาณ 1 kW (หรือวิ่งด้วยความเร็ว 100 กม./ชม.) ในขณะที่ทีวีกินไฟแค่ 100 W (อาจจะเหมือนเดินช้าๆ) ตัวเลขนี้จะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาขึ้นอยู่กับว่าเราเปิด-ปิดหรือใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรบ้าง 5
- พลังงานไฟฟ้า (Energy) มีหน่วยเป็น วัตต์-ชั่วโมง (Wh) หรือ กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ซึ่ง 1 kWh ก็คือ "1 หน่วย" ที่เราเห็นในบิลค่าไฟนั่นเอง พลังงานไฟฟ้าเปรียบได้กับ "ระยะทางที่รถวิ่งได้" มันคือผลรวมของกำลังไฟฟ้าที่ใช้ไปตามระยะเวลา เช่น ถ้าเราเปิดแอร์ที่กินไฟ 1 kW เป็นเวลา 3 ชั่วโมง เราจะใช้พลังงานไป 1 kW×3 h=3 kWh หรือ 3 หน่วยนั่นเอง 5
การแยกสองคำนี้ออกจากกันเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะมันจะช่วยให้เราเข้าใจว่า Inverter มีกำลัง (kW) เท่าไหร่ในการจ่ายไฟให้บ้าน และ Battery มีความจุพลังงาน (kWh) เท่าไหร่ในการเก็บไฟไว้ใช้
♦ SOC, SOH, และ DOD: เกจ์น้ำมัน สุขภาพ และความอึดของแบตเตอรี่ เมื่อพูดถึงแบตเตอรี่ จะมี 3 คำศัพท์หลักที่บ่งบอกสถานะของมัน:
- SOC (State of Charge): แปลตรงตัวคือ "สถานะการชาร์จ" ให้คิดง่ายๆ ว่ามันคือ "เกจ์น้ำมัน" ของแบตเตอรี่ บอกเป็นเปอร์เซ็นต์ว่าตอนนี้มีไฟเหลืออยู่เท่าไหร่ เช่น SOC 100% คือแบตเต็มถัง, SOC 20% คือไฟใกล้จะหมดแล้ว
- SOH (State of Health): นี่คือ "ผลตรวจสุขภาพประจำปี" ของแบตเตอรี่ บอกเป็นเปอร์เซ็นต์เช่นกัน แบตเตอรี่ใหม่แกะกล่องจะมี SOH 100% แต่เมื่อผ่านการใช้งานไปหลายปี ความสามารถในการเก็บประจุจะค่อยๆ ลดลง SOH ก็จะลดลงตามไปด้วย เช่น เหลือ 80% หมายความว่าแบตเตอรี่ที่เคยจุได้ 10 kWh ตอนนี้จะจุได้เต็มที่แค่ 8 kWh เท่านั้น
- DOD (Depth of Discharge): คือ "ความลึกของการคายประจุ" หรือพูดง่ายๆ คือ "พฤติกรรมการใช้พลังงาน" ของเรา ถ้าเราใช้แบตเตอรี่จาก 100% จนเหลือ 20% นั่นคือเราใช้ไป 80% หรือมี DOD เท่ากับ 80% แบตเตอรี่บางชนิด เช่น ตะกั่วกรด ไม่ควรใช้งานที่ DOD สูงๆ บ่อยๆ เพราะจะทำให้อายุสั้นลง แต่สำหรับแบตเตอรี่ LiFePO4 ที่ใช้ใน SigenStor ถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อการใช้งานที่ DOD สูงๆ ได้ดีกว่ามาก ทำให้เราสามารถดึงพลังงานที่เก็บไว้ออกมาใช้ได้เกือบทั้งหมดในแต่ละวัน
♦ MPPT: "ผู้ช่วยส่วนตัว" ของแผงโซลาร์ : MPPT (Maximum Power Point Tracking)
- คือเทคโนโลยีอัจฉริยะที่อยู่ในอินเวอร์เตอร์ เปรียบเสมือน "ผู้ช่วยส่วนตัวที่คอยเค้นประสิทธิภาพสูงสุด" ให้กับแผงโซลาร์เซลล์ ลองนึกภาพว่าแผงโซลาร์ก็เหมือนนักร้องที่เสียงดี แต่บางทีก็ร้องผิดคีย์เพราะอารมณ์แปรปรวนตามสภาพอากาศ (แดดจ้า, เมฆบัง, อากาศร้อน) MPPT จะทำหน้าที่เป็นซาวด์เอนจิเนียร์ที่คอยปรับจูน "แรงดัน (Voltage)" และ "กระแส (Current)" ของแผงอยู่ตลอดเวลา เพื่อหา "จุดที่ลงตัวที่สุด" (Maximum Power Point) ที่จะทำให้แผงสามารถผลิตกำลังไฟฟ้า (Power) ออกมาได้สูงสุดในทุกๆ วินาที การมี MPPT ที่ดีและมีหลายตัวจึงหมายถึงการเก็บเกี่ยวพลังงานจากแสงอาทิตย์ได้มากขึ้นนั่นเอง
♦ ผ่าหัวใจระบบ: SigenStor EC 5.0 SP vs. 10.0 SP หมัดต่อหมัด
- เมื่อเราเข้าใจศัพท์เทคนิคพื้นฐานกันแล้ว ก็ถึงเวลามาดูตัวเอกของเรื่อง นั่นคือ Sigen Energy Controller (EC) ซึ่งเป็นสมองกลที่ควบคุมทุกอย่างในระบบ SigenStor มันทำหน้าที่มากกว่าอินเวอร์เตอร์ทั่วไป เพราะมันคือศูนย์กลางที่จัดการพลังงานจากทุกแหล่ง ทั้งจากแผงโซลาร์ แบตเตอรี่ และสายส่งของการไฟฟ้าฯ รวมถึงเป็นตัวกลางในการสื่อสารข้อมูลทั้งหมดไปยังแอปพลิเคชัน mySigen บนมือถือของเรา
- สำหรับบ้านในประเทศไทย รุ่นที่น่าสนใจที่สุดคือ Single Phase (1 เฟส) ซึ่งมีให้เลือกหลักๆ 2 ขนาด คือ 5.0 SP และ 10.0 SP เรามาดูสเปคเทียบกันแบบชัดๆ เพื่อให้เห็นว่ารุ่นไหนจะเหมาะกับบ้านของคุณ
ตารางเปรียบเทียบสเปคทางเทคนิค: SigenStor EC 5.0 SP vs. EC 10.0 SP
Specification (สเปค) | SigenStor EC 5.0 SP | SigenStor EC 10.0 SP | ความหมายสำหรับบ้านของคุณ |
Nominal AC Output Power (กำลังไฟ AC ปกติ) | 5,000 W | 10,000 W | คือกำลังไฟที่จ่ายให้เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านได้ ต่อเนื่อง รุ่น 10.0 SP เหมาะกับบ้านขนาดใหญ่ที่อาจเปิดแอร์หลายตัวพร้อมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ |
Max. PV Power (กำลังไฟแผงสูงสุดที่รองรับ) | 10,000 W | 20,000 W | คือปริมาณแผงโซลาร์ที่สามารถติดตั้งเข้าระบบได้สูงสุด ยิ่งมากก็ยิ่งมีโอกาสผลิตไฟฟ้าได้เยอะตลอดทั้งวัน |
DC:AC Ratio (อัตราส่วน DC ต่อ AC) | 2.0 | 2.0 | (จุดเด่นสำคัญ) รองรับแผงได้มากกว่ากำลังของอินเวอร์เตอร์ถึง 2 เท่า ช่วยให้ผลิตไฟได้เต็มที่ตั้งแต่เช้าจรดเย็น ไม่ใช่แค่ช่วงแดดจัดตอนเที่ยง |
Number of MPP Trackers (จำนวน MPPT) | 2 | 4 | เพิ่มความยืดหยุ่นในการออกแบบการวางแผงบนหลังคาที่มีหลายทิศทาง (เช่น หันไปทางทิศตะวันออกและตะวันตก) เพื่อให้แต่ละชุดแผงทำงานได้เต็มประสิทธิภาพสูงสุด |
Max Input Current per MPPT (กระแสสูงสุดต่อ MPPT) | 16 A | 16 A | รองรับแผงโซลาร์เซลล์รุ่นใหม่ๆ ที่มีกำลังวัตต์สูงและจ่ายกระแสไฟได้มาก |
Peak Output Power (Backup) (กำลังไฟสูงสุดชั่วขณะ) | 7,500 W (10 วินาที) | 15,000 W (10 วินาที) | กำลังไฟ "กระชาก" ที่จ่ายได้ตอนไฟดับ สำคัญมากสำหรับการสตาร์ทอุปกรณ์ที่กินไฟสูง เช่น มอเตอร์ปั๊มน้ำ หรือคอมเพรสเซอร์แอร์ |
Max. Efficiency (ประสิทธิภาพสูงสุด) | 98.0% | 97.6% | ประสิทธิภาพในการแปลงไฟสูงมาก หมายความว่าพลังงานที่ผลิตได้จะสูญเสียน้อยที่สุดระหว่างการแปลงไฟ |
Dimensions (W/H/D) (ขนาด) | 700 x 300 x 245 มม. | 700 x 300 x 260 มม. | ตัวเครื่องมีขนาดต่างกันนิดหน่อย |
Weight (น้ำหนัก) | 18 กก. | 36 กก. | น้ำหนักเบาและเท่ากันทั้งสองรุ่น ทำให้การติดตั้งสะดวก |
♦ ถอดรหัสสเปค: พลังที่มากกว่า แค่ตัวเลข
จากตารางข้างบน มีจุดที่น่าสนใจและเป็นจุดขายที่แข็งแกร่งของ SigenStor อยู่ 2-3 ประเด็นที่ต้องขยายความเพิ่มเติม
จุดเด่นที่ 1: อัตราส่วน DC:AC สูงถึง 2:1

→ คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่าอินเวอร์เตอร์ 5 kW จะติดแผงได้แค่ 5 kW เท่านั้น แต่ในความเป็นจริง การ "Oversize" หรือการติดตั้งแผงโซลาร์ให้มีกำลังผลิตรวม (ฝั่ง DC) มากกว่ากำลังของอินเวอร์เตอร์ (ฝั่ง AC) เป็นเทคนิคที่มืออาชีพใช้กันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพลังงานโดยรวม
→ SigenStor EC 5.0 SP สามารถรองรับแผงได้ถึง 10,000 W (หรือ 10 kW) ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วน 2:1 ประโยชน์มหาศาลของมันคือ อินเวอร์เตอร์จะสามารถทำงานที่ประสิทธิภาพสูงสุดได้เป็นเวลานานขึ้นตลอดทั้งวัน ไม่ใช่แค่ช่วงสั้นๆ ตอนแดดเปรี้ยงตอนเที่ยง ผลลัพธ์ที่ได้คือ "กราฟการผลิตไฟฟ้าที่อ้วนและแบนกว่า" หมายความว่าคุณจะผลิตพลังงาน (kWh) ได้มากขึ้นในช่วงเช้าและบ่าย ซึ่งเป็นช่วงที่หลายบ้านเริ่มใช้ไฟฟ้ากันแล้ว รวมถึงในวันที่มีเมฆมากซึ่งเป็นเรื่องปกติของสภาพอากาศในประเทศไทย การออกแบบเช่นนี้ทำให้คุณใช้พื้นที่บนหลังคาได้คุ้มค่าและคืนทุนได้เร็วยิ่งขึ้น
จุดเด่นที่ 2: ข้อดีของการเป็น DC Coupled ใน SigenStor
→ เมื่อเราติดตั้ง ฝั่ง DC เยอะ หรือ Oversize ได้ ก็คือ มันมีฟังก์ชั่น DC Coupled นั่นเอง : สมมติว่าSigenStor EC 5.0 SP ตัว 5 kW. เราติดตั้งแผงเต็มที่ (200%) 10 kWp. ตอนกลางวัน 11โมงถึงบ่ายโมง แดดเปรี้ยงๆเลย อินเวอร์เตอร์แปลงไฟจาก DC เป็น AC แม๊กสุดล่ะ ก็ได้เต็มที่เลย 5 kW. แล้วสมมติ (ซ้อนสมมติ) อีกว่าผลิตไฟ DC ได้ 8 kW. ที่เหลือ 3 kW. นี่แหล่ะ ที่เอาไปชาร์จเข้าแบตเตอรี่ หรือส่งไป EV Charge โดยตรงเลย ก็ทำให้เราได้ประโยชน์สูงสุด ไม่สูญเปล่านั่นเอง

→ ข้อดีของการเป็น DC Coupled ใน SigenStor มีอะไรบ้าง?
ประสิทธิภาพสูงกว่า (Higher Efficiency): เพราะมีการแปลงไฟน้อยครั้งที่สุด! เมื่อเราจะดึงไฟจากแบตเตอรี่มาใช้ตอนกลางคืน มันมีการแปลงไฟแค่ครั้งเดียวคือจาก DC (ในแบต) -> AC (เข้าบ้าน) เท่านั้น ทำให้การสูญเสียพลังงานระหว่างทางน้อยมากๆ เหมือนวิ่งรถบนไฮเวย์ที่ด่านเก็บเงินน้อยนั่นเองครับ
→ ตอบสนองเร็วกว่า (Faster Response): เพราะทุกอย่างอยู่บน "ถนนไฮเวย์" เดียวกัน การจัดการพลังงานจึงเกิดขึ้นได้ทันที นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้ SigenStor สามารถสลับโหมดไฟสำรองได้ในเวลา 0 มิลลิวินาที เพราะมันไม่ต้องรอสลับระบบที่ซับซ้อน
จุดเด่นที่ 3: MPPT หลายตัวเพื่อความยืดหยุ่นสูงสุด
→ บ้านสมัยใหม่ในไทยมักมีดีไซน์หลังคาที่ซับซ้อน อาจมีหลายระนาบ หลายทิศทาง การที่ SigenStor EC 5.0 SP มี 2 MPPT และรุ่น 10.0 SP มีถึง 4 MPPT ถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างมาก มันช่วยให้ผู้ออกแบบสามารถแยกกลุ่มแผงที่อยู่คนละทิศทาง (เช่น กลุ่มที่หันไปทิศตะวันออกเพื่อรับแดดเช้า และกลุ่มที่หันไปทิศตะวันตกเพื่อรับแดดบ่าย) หรือกลุ่มแผงที่อาจโดนเงาบังในบางเวลา ออกจากกันได้อย่างอิสระ ทำให้แผงทุกกลุ่มสามารถทำงานได้เต็มศักยภาพของตัวเองโดยไม่ถูกฉุดรั้งจากกลุ่มอื่นที่ประสิทธิภาพต่ำกว่า

→ การต่ออนุกรมสตริง หากต่อใน MPPT เดียวกัน ควรต้องอยู่ในทิศรับแสงเดียวกัน เพื่อความสมดุลย์ของแรงดันและกระแสไฟฟ้า ในสตริงเดียวกัน ซึ่งจะทำให้มีประสิทธิภาพการผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ดี โดยหากบ้านของเรามีพื้นที่หลังคาแต่ละทิศ ติดแผงได้น้อย แต่มีทิศทางการรับแสงมาก เช่น 4 ทิศ เป็นต้น หากเราใช้ Sigenergy i6jo 10 kW. เราก็สามารถติดตั้งแผง ได้ทั้ง 4 ทิศ ดดยไม่มีผลให้ประสิทธิภาพลดลง เพราะรุ่น 10 kW. มีมากถึง 4 MPPT
ตอนหน้ามาพบกับ Sigenergy EP3 ลงรายละเอียดถึงคุณสมบัติเด่นอื่นๆ ที่มีประโยชน์กับผู้ใช้ไฟ และผู้ติดตั้งกันต่อไป

